ถ้าเรียนเขียน program มาคงจะคุ้นเคยกับ flowchart การทำงานของของโปรแกรม แต่ในชีวิตการทำงานจริงๆ โดยเฉพาะถ้าเขียน code โดยใช้ framework ต่างๆ จะไม่เป็นเหมือนที่ได้ออกแบบไว้เสมอไป เพราะว่าบางครั้งโปรแกรมจะทำงานให้เราเองโดยที่ไม่ได้สั่ง สาเหตุคือ มีการเรียกใช้ hook หรือ tricker ทำให้เกิด process ที่อาจจะไม่ทราบที่มา หรือต้องมาแก้งานของคนอื่นโดนที่ไม่มีเอกสารให้
นอกจากการใช้วิธี PHP: list included หรือ required ไฟล์ที่ใช้ ถ้าเราใช้ตัว framework ต่างๆ มักจะมีการเตรียม function ในการสร้าง backtrace ไว้ให้ แต่ถ้าไม่มีหรือเป็น code ที่เขียนด้วยตัวเอง ยังสามารถใช้ debug_backtrace ในการค้นหาที่มาที่ไปได้ เช่น
debug.debug_backtrace.php
<?php
function getBacktrace()
{
$backtrace = debug_backtrace();
echo '<pre>', print_r($backtrace, true), '</pre>';
fwrite(fopen('logs_debug_backtrace.txt', 'a+'), "\n\n" . __FILE__ . ' :' . __LINE__ . "\n\n" . print_r($backtrace, true));
}
function getPhpInfo($what)
{
phpinfo($what);
/* จะดูว่า ทำไม่ getPhpInfo ถึงทำงาน */
getBacktrace();
}
function index()
{
getPhpInfo(INFO_ENVIRONMENT);
}
index();
เมื่อทดสอบดูจะได้ผลลัพธ์
logs_debug_backtrace.txt
Array
(
[0] => Array
(
[file] => D:\xampp\htdocs\snippets\PHP\debug.debug_backtrace.php
[line] => 13
[function] => getBacktrace
[args] => Array
(
)
)
[1] => Array
(
[file] => D:\xampp\htdocs\snippets\PHP\debug.debug_backtrace.php
[line] => 18
[function] => getPhpInfo
[args] => Array
(
[0] => 16
)
)
[2] => Array
(
[file] => D:\xampp\htdocs\snippets\PHP\debug.debug_backtrace.php
[line] => 21
[function] => index
[args] => Array
(
)
)
)
เพราะว่าเราเขียน function debug_backtrace() ไว้ใน function getBacktrace() อีกชั้น เพื่อที่ความง่ายในการค้นหา flow เมื่อต้องการดูว่า function หรือ class ที่เราสนใจมันมี flow มายังไงก็แค่ไปเรียกใน function ที่สงสัย เราก็จะได้ลำดับการทำงานย้อนกลับไป เราจะได้ทราบทั้งฟังก์ชั้น คลาส บรรทัด ไฟล์ แม้แต่ตัวแปรที่ส่งเข้าไปใน function นั้น ๆ
About the author