มีการพูดว่าเก็บภาษีนี้มันไม่ยุติธรรมและยกตัวอย่างมา เลยเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เลยเจอว่า VAT, TAX มันมีการเก็บหลายแบบและมีข้อดีข้อเสีย ของแต่ละบุคคลที่มองได้ว่าไม่ยุติธรรม
โครงสร้างอัตราภาษีถดถอย (Regressive Tax Rate)
โครงสร้างจะเป็น
| INCOME FROM | INCOME TO | TAX RATE (%) |
|---|---|---|
| 0.00 | 300,000.00 | 0.00% |
| 300,000.00 | 1,500,000.00 | 20.00% |
| 1,500,000.00 | 3,000,000.00 | 4.00% |
| 3,000,000.00 | 999,999,999.00 | 2.00% |
ถ้ารายได้ 300,100.00 บาท จะถูกคิดภาษีตามขั้นบันไดดังนี้
| ช่วงเงินได้สุทธิ | ส่วนที่ต้องคิดภาษี | อัตราภาษี | คำนวณภาษี | ภาษีที่ต้องจ่ายในขั้นนี้ |
|---|---|---|---|---|
| 0.00 – 300,000.00 | 300,000.00 | 0.00% | 300,000.00 × 0.00% | 0.00 บาท |
| 300,000.00 – 1,500,000.00 บาท | 300,100.00 − 300,000.00 = 100.00 บาท | 20.00% | 100.00 × 20.00% | 20.00 บาท |
| รวม | 300,100.00 บาท | 20.00 บาท |
ยิ่งรวย ยิ่งจ่ายน้อย เหมาะกับการส่งเสริมการลงทุน ดึงคนรวยเข้ามา
โครงสร้างอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (Regressive Tax)
โครงสร้างจะเป็น
| INCOME FROM | INCOME TO | TAX RATE (%) |
|---|---|---|
| 0.00 | 999,999,999.00 | 7.00% |
จะง่ายมาก จ่ายเท่าไหร่ ก็จะคิดเท่ากัน 7% (จริง ๆ ไทยคิด 10% แต่ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าประกาศยกเลิกการเก็บภาษีอัตรพิเศษ 7%)
ถ้าจ่ายซื้อสินค้าและบริการ 300,100.00 (มีเท่าไหร่ จ่ายหมดเลย)
| ช่วงเงินได้สุทธิ | ส่วนที่ต้องคิดภาษี | อัตราภาษี | คำนวณภาษี | ภาษีที่ต้องจ่ายในขั้นนี้ |
|---|---|---|---|---|
| 0.00 – 999,999,999.00 บาท | 300,100.00 บาท | 7.00% | 300,100.00 × 7.00% | 21,007.00 บาท |
| รวม | 300,100.00 บาท | 21,007.00 บาท |
จะเห็นว่าอยู่ที่การใช้จ่ายใครจ่ายเยอะ vat ก็เยอะ เหมือนจะยุติธรรม
แต่ลองคิดในความเป็นจริง คนรวย คนจนก็กินข้าวสามมื้อ แต่
– อย่างข้าวกลางวันแถว ๆ office มันก็อยู่ที่ 50 – 70 หมายความว่า พนักงาน และ c level ก็จ่ายเท่ากัน แล้วใครมีรายได้มากกว่า ใครมีรายได้น้อยกว่า สุดท้ายใครมีเงินเหลือ
– อีกเคสคือ ค่าประกันสังคม จะคิดรายได้จาก xxx – 15,000 บาท แปลว่าคนที่เงินเดือนมากกว่า 15,000 บาทต่อเดือน (บางที่ได้เกินตั้งแต่เด็กฝึกงาน เว้นก็แต่แม่บ้าน) จ่าย 750 เท่ากัน
โครงสร้างอัตราภาษีก้าวหน้า (Progressive Tax)
โครงสร้างจะเป็น
| INCOME FROM | INCOME TO | TAX RATE (%) |
|---|---|---|
| 0.00 | 150,000 | 0.00% |
| 150,000.00 | 300,000.00 | 5.00% |
| 300,000.00 | 500,000.00 | 10.00% |
| 500,000.00 | 750,000.00 | 15.00% |
| 750,000.00 | 1,000,000.00 | 20.00% |
| 1,000,000.00 | 2,000,000.00 | 25.00% |
| 2,000,000.00 | 5,000,000.00 | 30.00% |
| 5,000,000.00 | 999,999,999.00 | 35.00% |
ยิ่งรวย ยิ่งจ่ายมาก เหมาะกับการส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ไม่ให้ต่างกันมาก
ถ้ารายได้ 300,100.00 บาท จะถูกคิดภาษีตามขั้นบันไดดังนี้
| ช่วงเงินได้สุทธิ | ส่วนที่ต้องคิดภาษี | อัตราภาษี | คำนวณภาษี | ภาษีที่ต้องจ่ายในขั้นนี้ |
|---|---|---|---|---|
| 0.00 – 150,000.00 บาท | 150,000.00 | 0.00% | 150,000.00 × 0.00% | 0.00 บาท |
| 150,000.00 – 300,000.00 บาท | 300,000.00 − 150,000.00 = 150,000.00 บาท | 5.00% | 150,000.00 × 5.00% | 7,500.00 บาท |
| 300,000.00 – 500,000.00 บาท | 300,100.00 − 300,000.00 = 100 | 10.00% | 100 x 10.00% | 10.00 บาท |
| รวม | 300,100.00 บาท | 7,510.00 บาท |
ยิ่งมีรวย ยิ่งมีรายได้เยอะ ก็จะยิ่งจ่ายภาษีเยอะ
ในความเป็นจริง คือ คนที่ไม่จ่ายเลย (ต่ำกว่า 150,000.00 บาท) และคนจ่ายขั้นต่ำจะมีจำนวนมากกว่า คนจ่าย 35.00% อยู่แล้ว และคน 35.00% ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่ คุณอาจจะจ่ายค่าไฟมากกว่า จ่ายค่าเน็ตมือถือโปรแพงสุด แต่เมื่อเทียบกับรายได้เป็น บาท มันไม่ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่ ยิ่งคิดมันเป็น % จะได้ตัวเลขที่น้อยมาก ๆ ถึงเป็นที่มาของความเหลื่อมล้ำ คนที่มีรายได้สูงกว่า จะได้เปรียบในการเก็บเงิน การลงทุน คนรวย ก็จะมีแนวโน้มขึ้นไปเรื่อย ๆ
ความเห็นจากคนที่เรียนวิชาพัฒนาสังคมมาบ้าง
About the author