เรื่องนี้เป็นนวนิยายสืบสวนที่มีเอกลักษณ์ของตนเองในหลายด้าน ตั้งแต่การผูกเรื่องเป็นการตามหาครอบครัวของเด็กสี่ขวบที่ถูกทิ้งไว้ที่ท่าเรือคนเดียว พ่อแม่เด็กหายไปไหน ถ้าจะทิ้งเด็กทำไม่ต้องลงทุนให้เด็กนั่งเรื่อโดยสารจากอังกฤษ พร้อมเสื้อผ้าราคาแพง กระเป๋าหนึ่งใบ และหนังสือนิทานหนึ่งเล่ม การเลือกถ้อยคำบรรยายที่สละสลวย การสร้างบรรยากาศอึมครึมสลับกับโลกที่สดใสจนบางครั้งคิดว่าเป็นหนังสือนิยายตาหวาน
แต่ไม่ใช่ความกลัวสองผัวเมียครอบครัวสวินเดลล์ที่ทำให้เอไลชาตัดสินใจ ไม่ใช่แม้กระทั่งเสียงของแม่ที่ดังก้องอยู่ในความทรงจำของเธอ ขอให้เธอสัญญาว่าจะขายเข็มกลัดก็ต่อเมื่อชายชั่วคนนั้นมาคุกคามเท่านั้น
หากเป็นความกลัวของเธอเองว่าอนาคตอาจเลวร้ายยิ่งกว่าอดีต ว่าอาจมีวันใดวันหนึ่งที่เข็มกลัดกลายเป็นกุญแจสำคัญอย่างเดียวในการเอาชีวิตรอดของเธอ ซุ่มซ่อนอยู่ในเดือนปีอันหม่นมัวที่ยังมามาถึง
เธอกลับหลังโดยไม่ย่างเท้าไปในบ้านคุณพิกนิก และรีบร้อนกลับไปยังร้านขายขวดและของเก่า เข็มกลัดเผาไหม้เป็นรูแห่งความรู้สึกผิดในกระเป๋าเธอ และเธอก็บอกตัวเองว่าแซมมี่ก็เข้าใจ ว่าเขาก็รู้เช่นเดียวกับเธอถึงมูลค่าชีวิตในคุ้งน้ำที่พวกเขาอาศัย
จากนั่นเธอก็พับเก็บความทรงจำเกี่ยวกับเขาอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห่อมันด้วยผืนผ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึกหลายชั้น ทั้งความปิติ ความรักและความผูกมัด ซึ่งเธอไม่ต้องการอีกต่อไปและเก็บทั้งหมดอีกต้อไปและเก็บทั้งหมดลั่นดาลไว้ลึกล้ำในใจเธอ เธอรู้สึกว่าการไร้ซึ่งความทรงจำและความรู้สึกเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะการตายของแซมมี่ทำให้ชีวิตของอีไลซาเหลือแค่ครึ่งเดียว เหมือนห้องที่ปราศจากแสงเทียน จิตวิญญาณของเธอเหน็บหนาว มืดมน และว่างเปล่า
เรื่องราวถ่ายทอดผ่านชีวิตของผู้หญิงสามรุ่น และตัวละครที่มีมิติ แต่ละคนมีแรงขับการกระทำของตนในการกระทำต่างๆ ผลักดันตนเองไปสู่จุดทีหวัง ผลักไสคนอื่นๆ ไปโดยเจตนาหรือความหลง
เหมาะกับผู้ชื่นชอบนวนิยายสืบสวนแนวจิตวิทยาหรือรักในหนังสือที่ใช้ภาษาสละสลวย
ผู้แต่ง เคต มอร์ตัน (kate morton)
แปลโดย ศศมากา