เคยมีคนถามผมว่าทำไมซื้อทีวีแพงเร็วมาก ทีซื้อคอมมาทำงานคิดแล้วคิดอีก เหมือนไทยมีสุภาษิตที่เป็นสัจจะนิรันดร์อยู่บนหนึ่งคือ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย การตอบต้องดูเป็นข้อๆ ครับ
- อย่างแรกเลยคือ ชอบดูจอใหญ่ แปลว่ามีตัวเลือก 3 ตัวคือทีวีแบบพลาสม่า เอลซีดี โปรเจคเตอร์
- โปรเจ็คเตอร์จอใหญ่ที่สุด ด้องปิดไฟดูตลอด ร้อน กินที่ (ต้องมีบริเวณที่ไม่บังแสง) ต้องรอนานกว่าจะได้ดู หลอดขาดง่าย ไม่สะดวก แถมแพงที่สุด เลยตกไป
- พลาสมา ถูกที่สุดในสามตัว ราคาประมาณ 8,000 ก็ได้ตามขนาดที่ต้องการ
- เอลซีดี ราคา 13,000
ถ้าดูราคา ต้องบอกว่าพลาสม่าซิ แต่มีต้นทุนแฝงอยู่ครับ
- พลาสมา กินไฟมากกว่า
- พลาสมาตัวใหญ่กว่ามาก เปลืองที่วาง
- พลาสมาหนักกว่ามาก ใครไม่เคยยกจะคิดไม่ถึงเลย ไม่ต้องพูดถึงเวลาย้ายเหมือนขนหินดีๆ นี่เองครับ
- พลาสมาอายุสั้นกว่ามาก คือ 40,000 ชั่วโมง เอลซีดี อายุประมาณ 50,000 ข้อมูลตรงกันทั้งคนขายและบริการตอบคำถามของยายู Which lasts longer? LCD or Plasma? คงจะจริง
- พลาสมาเตี้ยกว่า ถ้าจะให้พอดีกับตียงต้องซื้อชั้นวางทีวีเพิ่ม ต้องบวกราคาไปอีก 2000+ เพราะมันหนักโต๊ะถูกๆ ไม่โย้ก็หัก
- เอลซีดีเบา แถมมีขาตั้งมาให้ ถ้าไม่อยากซื้อโต๊ะญี่ปุ่นตัวสามร้อยก็เอาอยู่ เกะกะนักก็ซื้อที่แขวนมันซะ ( +1,200 ทำไมแพงจัง)
- เอลวีดี สวย ดูดี ทันสมัยกว่า พลาสมาดูยังไงก็กล่องดีๆ นี่เอง
- เอลซีดีต่อข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้ดีกว่าทั้งภาพและเสียง เพราะ มีช่องต่อเฉพาะ จะดูหนังจากแฟลตไดรฟ์เลยก็ได้
ถึงรวมๆ แล้วพลาสมา (8,000 + 2,500 ) ราคาจะถูกกว่าแต่เมื่อคิดรวมด้านอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว ระยะสั้นตอนจ่ายเงิน ระยะยาว เวลาใช้จริง ยังไงก็เอลซีดีครับ
- ส่วนอีกข้อคือเพราะทีวีซื้อง่ายกว่าเพราะ ดูความละเอียดของจอ ขนาดหน้าจอ รูปทรง อย่างอื่นไม่ต่างกันนัก แต่คอมพิวเตอร์ เอามาทำงานวันหนึ่งอาจจะต้องอยู่กับมัน 4 ,10 ,18 ชั่วโมง หรือมากกว่าถ้างานด่วนมาก แล้วแต่ละเครื่องก็มีอะไรที่ต้องตัดสินใจ หน้าจอเล็ก/ใหญ่ อันนี้แรงแต่หนักไป หี้ห้อนี้สวยเบาแต่แพงถึงแพงมาก ตัวนี้ชิ้นส่วนไม่ดี อันนี้รุ่นใหม่กว่า แพงกว่า แต่ช้ากว่าก็มี ต้องเปิดคู่มือดูเอาครับ ถ้าจะซื้อแบบไม่เสียใจภายหลัง